ข้ามไปเนื้อหา

ปรัชญา

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
(เปลี่ยนทางจาก นักปรัชญา)
วิทยาลัยเอเธนส์ (1509–1511) โดย ราฟาเอล

ปรัชญา (อังกฤษ: Philosophy จาก กรีก: φιλοσοφία, philosophia, 'ความรักในปัญญา')[1][2] เป็นการศึกษาปัญหาทั่วไปและปัญหาพื้นฐาน เช่น เกี่ยวกับการดำรงอยู่ (อภิปรัชญา), เหตุผล (ตรรกศาสตร์), ความรู้ (ญาณวิทยา), คุณค่า (จริยศาสตร์), จิตใจ และ ภาษา[3][4] Such questions are often posed as problems[5][6] แหล่งข้อมูลบางแหล่งอ้างว่าคำนี้คิดขึ้นโดยพีทากอรัส (c. 570 – c. 495 ปีก่อนค.ศ.)[7][8] ในขณะที่บางส่วน[9][10] ปฏิเสธและเชื่อว่าพีทากอรัสนำคำนี้มาใช้จากคำเดิมที่ปรากฏอยู่แล้ว[11] วิธีวิทยาของปรัชญาประกอบด้วยการตั้งคำถาม, การถกเถียงเชิงวิพากษ์, การถกเถียงด้วยเหตุผล และการนำเสนออย่างเป็นระบบระเบียบ[12][13][i]

ในอดีต คำว่า "ปรัชญา" หมายรวมถึงความรู้ทุกแขนง ส่วนผู้ศึกษาปรัชญา เรียก นักปรัชญา[14] นับแต่ยุคของแอริสตอเติล นักปรัชญากรีกโบราณ จนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 19 คำว่า "ปรัชญาธรรมชาติ" ครอบคลุมวิชาดาราศาสตร์ แพทยศาสตร์และฟิสิกส์[15] อย่างเช่น ตำรา Philosophiæ Naturalis Principia Mathematica (หลักคณิตศาสตร์ของปรัชญาธรรมชาติ) ของไอแซก นิวตัน ในปี 1687 เป็นวิชาปรัชญาก่อนที่ภายหลังจะถูกจำแนกเป็นวิชาฟิสิกส์แทน ในศตวรรษที่ 19 ภายหลังการเติบโตของมหาวิทยาลัยวิจัยทำให้ปรัชญาเชิงวิชาการ (academic philosophy) และสาขาวิชาอื่นกลายเป็นอาชีพและมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านมากขึ้น[16][17] หลังจากนั้นจึงมีหลายวิชาที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของปรัชญาแยกออกไป โดยเฉพาะสังคมศาสตร์ เช่น จิตวิทยา สังคมวิทยา ภาษาศาสตร์ และเศรษฐศาสตร์

ในปัจจุบัน โดยทั่วไปถือว่าปรัชญาประกอบด้วยสาขาย่อยหลักทางวิชาการได้แก่ อภิปรัชญา ซึ่งศึกษาธรรมชาติพื้นฐานของการดำรงอยู่ และ ความเป็นจริง, ญาณวิทยา ซึ่งศึกษาธรรมชาติของความรู้ และ ความเชื่อ, จริยศาสตร์ ซึ่งศึกษาคุณค่าทางศีลธรรม และ ตรรกศาสตร์ ซึ่งศึกษากฎเกณฑ์ของการให้เหตุผลเพื่อสร้างข้อสรุปจากความจริง[18][19] สาขาย่อยอื่น ๆ ที่เป็นที่รู้จักของปรัชญา เช่น ปรัชญาวิทยาศาสตร์, ปรัชญาการเมือง, สุนทรียศาสตร์, ปรัชญาภาษา และ ปรัชญาความคิด เป็นต้น

แขนงของปรัชญา

[แก้]

ปัญหาทางปรัชญาอาจจัดกลุ่มรวมกันเป็นแขนงต่าง ๆ ได้ เพื่อให้นักปรัชญาสามารถมุ่งสนใจหัวข้อใกล้เคียงกัน และมีปฏิสัมพันธ์กับนักคิดคนอื่นที่สนใจในปัญหาทำนองเดียวกัน

การแบ่งอาจมีได้มากกว่ารายการข้างล่างนี้ และแต่ละแขนงอาจไม่ได้แยกออกจากกันอย่างสิ้นเชิง ปัญหาทางปรัชญาเหล่านี้บางทีก็ซ้อนทับกันหลายแขนงปรัชญา และบางทีก็ซ้อนทับกับวิชาและความคิดอื่น เช่น วิทยาศาสตร์ ศาสนาหรือคณิตศาสตร์

สุนทรียศาสตร์

[แก้]

สุนทรียศาสตร์คือ "การสะท้อนเชิงวิพากษ์ต่อศาสนา วัฒนธรรมและธรรมชาติ" แขนงนี้ว่าด้วยสภาพของศิลปะ ความงาม รสนิยม ความพึงพอใจ คุณค่าทางอารมณ์ การรับรู้ ตลอดจนการสร้างสรรค์และการชื่นชมความงาม หรือหากนิยามให้แม่นยำกว่านั้น คือ การศึกษาคุณค่าของประสาทสัมผัสหรือประสาทสัมผัสและอารมณ์ ส่วนใหญ่แบ่งได้เป็นทฤษฎีศิลปะ ทฤษฎีภาพยนตร์ หรือทฤษฎีดนตรี

จริยศาสตร์

[แก้]

จริยศาสตร์ หรือเรียก ปรัชญาศีลธรรม เป็นการศึกษาความประพฤติที่ดีและเลว ค่านิยมที่ถูกต้องและผิด และความดีกับความชั่วร้าย โดยหลักสนใจศึกษาวิธีการดำรงชีวิตที่ดีและการบอกมาตรฐานศีลธรรม นอกจากนี้ยังสนใจว่ามีวิธีดำรงชีวิตที่ดีที่สุด หรือมีมาตรฐานศีลธรรมเป็นสากลหรือไม่ และถ้ามี มนุษย์จะเรียนรู้เกี่ยวกับมันได้อย่างไร

ญาณวิทยา

[แก้]

ญาณวิทยาเป็นแขนงของปรัชญาที่ศึกษาความรู้ นักญาณวิทยาศึกษาบ่อเกิดความรู้ต่าง ๆ เช่น ประสบการณ์ผัสสะ เหตุผล ความทรงจำและพยาน นอกจากนี้ยังศึกษาปัญหาของสภาพความจริง ความเชื่อ การให้เหตุผลและความสมเหตุสมผล

แขนงย่อยหนึ่งที่ได้รับความสนใจมากในประวัติศาสตร์ของวิชาปรัชญา คือ กังขาคติทางปรัชญา ซึ่งตั้งข้อสงสัยข้ออ้างในความรู้ ซึ่งถือกำเนิดขึ้นตั้งแต่สมัยก่อนโสเครดิส และยังคงปรากฏในงานในของนักปรัชญาสมัยใหม่ที่มีชื่อเสียง และยังเป็นหัวข้อศูนย์กลางในการถกเถียงทางญาณวิทยาร่วมสมัยอยู่

การถกเถียงทางปรัชญาที่มีชื่อเสียง คือ การถกเถียงระหว่างประสบการณ์นิยมกับเหตุผลนิยม ประสบการณ์นิยมเน้นหลักฐานที่สังเกตได้ด้วยประสาทสัมผัสว่าเป็นบ่อเกิดของความรู้ (เช่นความรู้ทางวิทยาศาสตร์) ส่วนเหตุผลนิยมเน้นเหตุผลเป็นบ่อเกิดของความรู้ ซึ่งไม่ต้องอาศัยประสบการณ์ (เช่น ตรรกศาสตร์และคณิตศาสตร์)

เชิงอรรถ

[แก้]
  1. Quinton, Anthony. 1995. "The Ethics of Philosophical Practice." P. 666 in The Oxford Companion to Philosophy, edited by T. Honderich. New York: Oxford University Press. ISBN 978-0-19-866132-0. "Philosophy is rationally critical thinking, of a more or less systematic kind about the general nature of the world (metaphysics or theory of existence), the justification of belief (epistemology or theory of knowledge), and the conduct of life (ethics or theory of value). Each of the three elements in this list has a non-philosophical counterpart, from which it is distinguished by its explicitly rational and critical way of proceeding and by its systematic nature. Everyone has some general conception of the nature of the world in which they live and of their place in it. Metaphysics replaces the unargued assumptions embodied in such a conception with a rational and organized body of beliefs about the world as a whole. Everyone has occasion to doubt and question beliefs, their own or those of others, with more or less success and without any theory of what they are doing. Epistemology seeks by argument to make explicit the rules of correct belief formation. Everyone governs their conduct by directing it to desired or valued ends. Ethics, or moral philosophy, in its most inclusive sense, seeks to articulate, in rationally systematic form, the rules or principles involved." (p. 666).

อ้างอิง

[แก้]
  1. 1.0 1.1 "Online Etymology Dictionary". Etymonline.com. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2 July 2017. สืบค้นเมื่อ 22 August 2010.
  2. 2.0 2.1 The definition of philosophy is: "1. orig., love of, or the search for, wisdom or knowledge 2. theory or logical analysis of the principles underlying conduct, thought, knowledge, and the nature of the universe". Webster's New World Dictionary (Second College ed.).
  3. "Philosophy". Lexico. University of Oxford Press. 2020. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 28 March 2019. สืบค้นเมื่อ 28 March 2019. {{cite web}}: ระบุ |accessdate= และ |access-date= มากกว่าหนึ่งรายการ (help); ระบุ |archivedate= และ |archive-date= มากกว่าหนึ่งรายการ (help); ระบุ |archiveurl= และ |archive-url= มากกว่าหนึ่งรายการ (help)
  4. Sellars, Wilfrid (1963). Empiricism and the Philosophy of Mind (PDF). Routledge and Kegan Paul Ltd. pp. 1, 40. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 23 March 2019. สืบค้นเมื่อ 28 March 2019.
  5. Chalmers, David J. (1995). "Facing up to the problem of consciousness". Journal of Consciousness Studies. 2 (3): 200, 219. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 20 November 2019. สืบค้นเมื่อ 28 March 2019.
  6. Henderson, Leah (2019). "The problem of induction". Stanford Encyclopedia of Philosophy. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 27 March 2019. สืบค้นเมื่อ 28 March 2019.
  7. Cicero, Marcus Tullius (1877). Tusculan Disputations. New York: Harper & Brothers. p. 166. From whence all who occupied themselves in the contemplation of nature were both considered and called wise men; and that name of theirs continued to the age of Pythagoras, who is reported to have gone to Phlius, as we find it stated by Heraclides Ponticus, a very learned man, and a pupil of Plato, and to have discoursed very learnedly and copiously on certain subjects with Leon, prince of the Phliasii; and when Leon, admiring his ingenuity and eloquence, asked him what art he particularly professed, his answer was, that he was acquainted with no art, but that he was a philosopher. Leon, surprised at the novelty of the name, inquired what he meant by the name of philosopher, and in what philosophers differed from other men; on which Pythagoras replied, “That the life of man seemed to him to resemble those games which were celebrated with the 166greatest possible variety of sports and the general concourse of all Greece. For as in those games there were some persons whose object was glory and the honor of a crown, to be attained by the performance of bodily exercises, so others were led thither by the gain of buying and selling, and mere views of profit; but there was likewise one class of persons, and they were by far the best, whose aim was neither applause nor profit, but who came merely as spectators through curiosity, to observe what was done, and to see in what manner things were carried on there. And thus, said he, we come from another life and nature unto this one, just as men come out of some other city, to some much frequented mart; some being slaves to glory, others to money; and there are some few who, taking no account of anything else, earnestly look into the nature of things; and these men call themselves studious of wisdom, that is, philosophers: and as there it is the most reputable occupation of all to be a looker-on without making any acquisition, so in life, the contemplating things, and acquainting one’s self with them, greatly exceeds every other pursuit of life.”
  8. Cameron, Alister (1938). The Pythagorean Background of the theory of Recollection. George Banta Publishing Company.
  9. Jaeger, W. 'On the Origin and Cycle of the Philosophic Ideal of Life.' First published in Sitzungsberichte der preussischen Akademie der Wissenschaften, philosophisch-historishce Klasse, 1928; Eng. Translation in Jaeger's Aristotle, 2nd Ed. Oxford, 1948, 426-61
  10. Festugiere, A.J. 'Les Trios Vies', Acta Congressus Madvigiani, vol. 2, Copenhagen, 1958, 131-78
  11. Guthrie, W. K. C. (1962–1981). A history of Greek philosophy. Cambridge: Cambridge University Press. pp. 165–166. ISBN 978-0-521-05160-6. OCLC 22488892. This does not of course amount to saying that the simile goes back to Pythagoras himself, but only that the Greek ideal of philosophia and theoria (for which we may compare Herodotus's attribution of these activities to Solon I, 30) was at a fairly early date annexed by the Pythagoreans for their master
  12. Adler, Mortimer J. (2000). How to Think About the Great Ideas: From the Great Books of Western Civilization. Chicago, Ill.: Open Court. ISBN 978-0-8126-9412-3.
  13. 13.0 13.1 Quinton, Anthony, The ethics of philosophical practice, p. 666, Philosophy is rationally critical thinking, of a more or less systematic kind about the general nature of the world (metaphysics or theory of existence), the justification of belief (epistemology or theory of knowledge), and the conduct of life (ethics or theory of value). Each of the three elements in this list has a non-philosophical counterpart, from which it is distinguished by its explicitly rational and critical way of proceeding and by its systematic nature. Everyone has some general conception of the nature of the world in which they live and of their place in it. Metaphysics replaces the unargued assumptions embodied in such a conception with a rational and organized body of beliefs about the world as a whole. Everyone has occasion to doubt and question beliefs, their own or those of others, with more or less success and without any theory of what they are doing. Epistemology seeks by argument to make explicit the rules of correct belief formation. Everyone governs their conduct by directing it to desired or valued ends. Ethics, or moral philosophy, in its most inclusive sense, seeks to articulate, in rationally systematic form, the rules or principles involved. in Honderich 1995.
  14. "The English word "philosophy" is first attested to c. 1300, meaning "knowledge, body of knowledge." Harper, Douglas. 2020. "philosophy (n.) เก็บถาวร 2 กรกฎาคม 2017 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน." Online Etymology Dictionary. Retrieved 8 May 2020.
  15. Lindberg 2007, p. 3.
  16. Shapin, Steven (1998). The Scientific Revolution (1st ed.). University Of Chicago Press. ISBN 978-0-226-75021-7.
  17. Briggle, Robert; Frodeman, Adam (11 January 2016). "When Philosophy Lost Its Way | The Opinionator". New York Times. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 5 March 2020. สืบค้นเมื่อ 25 April 2016.
  18. "Metaphysics". Merriam-Webster Dictionary. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 8 May 2020. สืบค้นเมื่อ 8 May 2020.
  19. "Epistemology". Merriam-Webster Dictionary. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 8 May 2020. สืบค้นเมื่อ 8 May 2020.
  20. Process and Reality p. 39